Anacot

  “อนาคอต เรฟเตอร์รอง” เป็นเสมือนหนทางความก้าวหน้าสําหรับนวัตกรรมด้านอาหารแห่งอนาคต ภารกิจของเรา คือ การส่งเสริมทุกคนบนโลกใบนี้ให้เติบโตอย่างมีสุขภาพดี ด้วยความเชี่ยวชาญของเราในการคิดค้นนวัตกรรมด้านอาหารและเครื่องดื่มที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกระดับ  1) นวัตกรรมเพื่อโลกที่ยั่งยืน: เพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีให้กับผู้คน เราเชื่อว่าการสร้างความยั่งยืนต่อสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมให้คนบนโลกมีสุขภาพดีเป็นสิ่งสําคัญ และเราตระหนักดีว่าไม่มีองค์กรใดสามารถเปลี่ยน แปลงโลกได้เพียงลําพัง เราจึงร่วมมือกับซัพพลายเออร์ ผู้จัดจําหน่าย ลูกค้า และองค์กรอื่น ๆ ที่เชื่อมั่นในนวัตกรรมของเรา ด้วยการส่งเสริมและมีส่วนร่วมกับพันธมิตรเหล่านี้ เรามุ่งมั่นที่จะสร้างความแตกต่างในเชิงบวกร่วมกัน     2) ความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์: เรามุ่งมั่นที่จะหาสมดุลระหว่างดูแลสุขภาพและรสชาติจากการนําเสนอการทําอาหารของเราโดยมีเป้าหมายเพื่อนําความสุขที่แท้จริงมาสู่การบริโภคอาหาร  ด้วยเทคโนโลยีล้ําสมัยที่ช่วยให้เราสามารถควบคุมสารอาหารและรสชาติอาหาร เรามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการปรับสูตรอาหารและเครื่องดื่มของเราเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค “อนาคต เรฟเตอร์รอง” มีความยั่งยืนอย่างไร ที่ “อนาคต เรฟเตอร์รอง” ความยั่งยืนเป็นหัวใจสําคัญของการดําเนินงานของเรา นี่คือความคิดริเริ่มที่สําคัญ บางส่วนที่เราดําเนินการ: ความเป็นกลางทางคาร์บอนและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก: เราทํางานอย่างแข็งขันเพื่อให้บรรลุการปล่อยคาร์บอนที่เป็นกลางถึงต่ำกว่านั้น การเดินทางของเราเริ่มต้นด้วย Anacot Seper food จากแป้งข้าวฟ่าง 0 แคลอรี่ คาร์โบไฮเดรต ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์นำร่องของเรา บูรณาการการใช้พลังงานหมุนเวียน “อนาคต เรฟเตอร์รอง” ได้บูรณาการการใช้พลังงานหมุนเวียนเพื่อขับ เคลื่อนการดําเนินงานธุรกิจ วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม: เราให้ความสําคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมตั้งแต่การปรับปรุงอาคารไปจนถึงบรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพและยั่งยืน: เรามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันกับซัพพลายเออร์ของเราเพื่อให้แน่ใจว่าวัตถุดิบที่เราคัดสรรปราศจากสารเคมี(ออร์แกนิค) เป็นธรรม หรือ สนับสนุนเกษตรกรท้องถิ่นที่มีส่วนช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เราตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมอาหารเราจึงแสวงหาทางออกที่ดีที่สุดสําหรับโลกและความเป็นอยู่ที่ดีของคนในสังคม ที่ ”อนาคต […]

คาร์โบไฮเดรตไม่ได้เป็นสิ่งที่ไม่ดีสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานโดยธรรมชาติ แต่การใส่ใจในปริมาณคาร์โบไฮเดรตและผลกระทบของมันต่อระดับน้ำตาลในเลือดเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อเราบริโภคคาร์โบไฮเดรต ร่างกายจะทำการย่อยและเปลี่ยนเป็นกลูโคส ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของน้ำตาล กลูโคสเป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานมักมีความยากลำบากในการจัดการกลูโคส หากคุณมีโรคเบาหวานและรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป ระดับน้ำตาลในเลือดของคุณอาจสูงเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพหลายประการ เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต และความบอด คาร์โบไฮเดรตมาจากหลายแหล่ง เช่น ธัญพืช (ขนมปัง ข้าว พาสต้า ซีเรียล ฯลฯ) ผลไม้ ผัก และผลิตภัณฑ์นม คาร์โบไฮเดรตบางชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรตที่พบในธัญพืชเต็มเมล็ด ผลไม้ และผัก เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ซึ่งย่อยช้าและให้พลังงานอย่างยั่งยืน ในขณะที่คาร์โบไฮเดรตบางชนิด เช่น คาร์โบไฮเดรตที่พบในอาหารแปรรูปและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล จะเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว ซึ่งย่อยเร็วและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ การเลือกคาร์โบไฮเดรตที่มีไฟเบอร์และสารอาหารสูง และมีน้ำตาลเพิ่มน้อยจะช่วยส่งเสริมความรู้สึกอิ่ม ลดระดับน้ำตาลในเลือด และสนับสนุนสุขภาพโดยรวม ในประเทศอย่างประเทศไทย ธัญพืช โดยเฉพาะข้าว เป็นส่วนสำคัญของการบริโภคคาร์โบไฮเดรตในแต่ละวัน การบริโภคธัญพืชมากเกินไปอาจนำไปสู่การรับคาร์โบไฮเดรตเกินพอดี อย่างไรก็ตาม การหลีกเลี่ยงการรับประทานข้าวหรือเส้นหมี่หมูอบอร่อย ๆ อาจเป็นเรื่องท้าทาย ที่ ENSERV

หากผสมผสานแป้งกล้วยเข้ากับอาหารจะช่วยทําให้ปริมาณคาร์โบไฮเดรตของคุณคงที่ และได้ประโยชน์ต่างๆ เพิ่มขึ้น ดังนี้ ช่วยระบบย่อยและลำไส้แข็งแรง แป้งกล้วยเต็มไปด้วยเส้นใยอาหารช่วยเพิ่มปริมาณให้กับอุจจาระ ป้องกันอาการท้องผูก คุณสมบัติของแป้งต้านทานการย่อย ในแป้งต้วยยังทําหน้าที่เป็นพรีไบโอติก บํารุงแบคทีเรียในลําไส้ที่ เป็นประโยชน์ทำให้ไมโครไบโอมในลําไส้ให้แข็งแรง การควบคุมน้ำตาลในเลือด: แป้งกล้วยมีค่าดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำกว่าเมื่อเทียบกับแป้งสาลี ทำให้ ปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ ช่วยป้องกันการพุ่งสูงขึ้นอย่างกะทันหันเป็นประโยชน์อย่าง ยิ่งสําหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน การควบคุมน้ำหนัก: ปริมาณเส้นใยสูงในแป้งกล้วยช่วยเพิ่มความรู้สึกอิ่มช่วยลดการบริโภคอาหาร โดยรวมได้ ด้วยการผสมผสานแป้งกล้วยลงในอาหาร คุณจะได้รับแคลอรี่น้อยลง นอกจากนี้ยังช่วย เพิ่มการเกิดออกซิเดชันของไขมันและปรับปรุงความไวของอินซูลิน ซึ่งช่วยในการควบคุมน้ำหนัก อุดมไปด้วยสารอาหาร: แป้งกล้วยเป็นแหล่งพลังงานทางโภชนาการ ให้สารอาหารที่จําเป็น เช่น โพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินบี 6 แมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระช่วยการทํางานในส่วนต่างๆของร่างกาย รวมถึงหัวใจ ภูมิคุ้มกัน และการผลิตพลังงาน ปราศจากกลูเตน: สําหรับผู้ที่แพ้กลูเตนหรือโรค celiac ช่วยให้ผู้คนเพลิดเพลินกับขนมอบและอาหาร อื่นๆ ได้หลากหลายโดยไม่มีผลเสียจากกลูเตน Source: Microbiome   Brownie

แป้งกล้วยช่วยควบคุมคาร์โบไฮเดรตได้อย่างไร การนำแป้งกล้วยเข้าสู่การรับประทานอาหารของคุณและการควบคุมการบริโภคคาร์โบไฮเดรตมีข้อดีทางสุขภาพมากมาย ต่อไปนี้คือข้อดีสำคัญบางประการ: สุขภาพทางเดินอาหารที่ดีขึ้น: แป้งกล้วยอุดมไปด้วยไฟเบอร์อาหาร ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการรักษาระบบย่อยอาหารให้ดี ไฟเบอร์เพิ่มปริมาณอุจจาระ ช่วยส่งเสริมการขับถ่ายอย่างสม่ำเสมอและป้องกันอาการท้องผูก นอกจากนี้ สารสตาร์ชที่ต้านทานในแป้งกล้วยทำหน้าที่เป็นพรีไบโอติก ซึ่งช่วยบำรุงแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ในลำไส้และสนับสนุนไมโครไบโอมที่ดีในลำไส้ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด: แป้งกล้วยมีดัชนีน้ำตาล (glycemic index) ที่ต่ำกว่าความเป็นแป้งสาลี ซึ่งทำให้มีผลกระทบต่อระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง การปล่อยกลูโคสเข้าสู่กระแสเลือดอย่างช้าๆ ช่วยป้องกันการเพิ่มขึ้นและลดลงของระดับน้ำตาลอย่างฉับพลัน ส่งเสริมการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดที่ดีขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องการจัดการระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการน้ำหนัก: ไฟเบอร์สูงในแป้งกล้วยช่วยสร้างความรู้สึกอิ่มและเต็มที่ ซึ่งสามารถช่วยลดการบริโภคอาหารโดยรวม การรวมแป้งกล้วยในอาหารของคุณช่วยให้คุณบริโภคแคลอรี่น้อยลงในขณะที่รู้สึกอิ่ม นอกจากนี้ สารสตาร์ชที่ต้านทานในแป้งกล้วยได้แสดงให้เห็นว่าสามารถเพิ่มการเผาผลาญไขมันและปรับปรุงความไวต่ออินซูลิน ช่วยสนับสนุนความพยายามในการจัดการน้ำหนัก อุดมไปด้วยสารอาหาร: แป้งกล้วยเป็นแหล่งของสารอาหารที่สำคัญ เช่น โพแทสเซียม วิตามิน C วิตามิน B6 แมกนีเซียม และสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ สารอาหารเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในหลายฟังก์ชันของร่างกาย รวมถึงสุขภาพของหัวใจ ระบบภูมิคุ้มกัน และการผลิตพลังงาน ทางเลือกปราศจากกลูเตน: สำหรับผู้ที่มีความไวต่อกลูเตนหรือโรคเซลิแอค แป้งกล้วยเป็นทางเลือกที่ปราศจากกลูเตนในการนำไปใช้ในสูตรอาหาร ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับผลิตภัณฑ์อบและจานอาหารอื่นๆ โดยไม่ต้องเผชิญกับผลกระทบเชิงลบของกลูเตน ข้อควรระวัง: แม้ว่าแป้งกล้วยจะเป็นส่วนเสริมที่มีคุณค่าทางโภชนาการต่ออาหารที่สมดุล แต่ควรบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะเป็นส่วนหนึ่งของแผนการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพโดยรวม การปฏิบัติในปริมาณที่พอเหมาะเป็นสิ่งสำคัญ และควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหรือโภชนากรที่ลงทะเบียนเพื่อคำแนะนำที่เหมาะสม โดยเฉพาะหากคุณมีข้อกังวลหรือเงื่อนไขทางโภชนาการเฉพาะ แหล่งข้อมูล: Microbiome การทำความเข้าใจประโยชน์ของแป้งกล้วยและการควบคุมคาร์โบไฮเดรตสามารถช่วยสนับสนุนสุขภาพโดยรวมและลดความเสี่ยงของโรคที่เกี่ยวข้องกับอาหาร

 การปล่อย CO2 จากการเกษตร โดย Anacot การปล่อย CO2 จากการเกษตรอาจส่งผลกระทบหลายอย่างต่อมนุษย์ มีหลายวิธีที่การปล่อย CO2 ทางการเกษตรสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของมนุษย์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: CO2 เป็นก๊าซเรือนกระจกที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เมื่อปล่อยสู่ชั้นบรรยากาศ ภาคการเกษตรเป็นแหล่งสําคัญของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยส่วน ใหญ่ผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การตัดไม้ทําลายป่า การเปลี่ยนแปลงการใช้ที่ดิน และการใช้ปุ๋ยสังเคราะห์ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอาจนําไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพของมนุษย์ รวมถึงความถี่และความรุนแรงที่ เพิ่มขึ้นของเหตุการณ์สภาพอากาศที่รุนแรง เช่น คลื่นความร้อน พายุเฮอริเคน และน้ําท่วม เหตุการณ์เหล่านี้ อาจทําให้เกิดการบาดเจ็บ การพลัดถิ่น และเสียชีวิตได้ มลพิษทางอากาศ: กิจกรรมทางการเกษตรสามารถสร้างมลพิษทางอากาศนอกเหนือจาก CO2 เช่น แอมโมเนีย (NH3) และไนตรัสออกไซด์ (N2O) ก๊าซเหล่านี้สามารถนําไปสู่การก่อตัวของฝุ่นละอองและโอโซน ระดับพื้นดิน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพทางเดินหายใจของมนุษย์ การสัมผัสกับมลพิษทางอากาศเป็นเวลานาน อาจนําไปสู่โรคทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ โรคหอบหืด และภาวะทางเดินหายใจอื่นๆ การปนเปื้อนในน้ํา: การปฏิบัติทางการเกษตร รวมถึงการใช้ปุ๋ยเคมีและยาฆ่าแมลง อาจส่งผลให้มลพิษไหล ลงสู่แหล่งน้ำ เมื่อมลพิษเหล่านี้เข้าสู่แหล่งน้ำอาจปนเปื้อนในแหล่งน้ําดื่มและก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพ

 “Anacot Revtaurant” เราเชื่อว่าสุขภาพที่ดีเป็นพื้นฐานสำคัญที่ทำให้คนเรามีความสุข นี่คือเหตุผลว่าเหตุใดผลิตภัณฑ์แป้งข้าวฟ่าง 0 แคลอรี่คาร์โบไฮเดรต ของเราให้ความสําคัญกับการควบคุมการรับประทานคาร์โบไฮเดรตเป็นอย่างมาก โดยธรรมชาติแล้ว นอกเหนือจากการทําหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกายมนุษย์แล้ว เราต้องการปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่เหมาะสมกับร่างกายของแต่ละคน เพื่อให้แน่ใจว่าสมองและกล้าม เนื้อทํางานอย่างเหมาะสม อย่างไรก็ตามการรับประทาที่มากเกินไปอาจนําไปสู่ผลลัพธ์ด้านสุขภาพ ที่ไม่พึงประสงค์ ทําไมคุณควรใส่ใจในการควบคุมปริมาณคาร์โบไฮเดรต  1.การลดน้ำหนัก: คาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งที่มาหลักของแคลอรี่ในอาหารของเรา หากเรากินคาร์โบ ไฮเดรตมากกว่าที่ร่างกายของเราต้องการ ร่างกายก็จะเก็บส่วนเกินไว้เป็นไขมัน แต่ถ้าเราจัดการปริมาณคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเข้าไปได้ เราจะสามารถลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักที่ดีต่อสุขภาพไว้ได้ 2.โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยโรคเบาหวานจำเป็นต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดอย่างระมัดระวัง การรับประทานคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป อาจทําให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นจนนําไปสู่ ปัญหาสุขภาพได้ ดังนั้นการควบคุมการรับประทานคาร์โบไฮเดรตในผู้ป่วยโรคเบา หวาน สามารถช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดของพวกเขาให้อยู่ในช่วงที่ดีต่อสุขภาพได้ 3. โรคหัวใจ: การรับประทานคาร์โบไฮเดรตแปรรูป เช่น ขนมปังขาว พาสต้า และข้าว มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจเพิ่มมากขึ้น แต่การรับประทานธัญพืชแทนและลดการกินอาหารแปรรูปจะช่วยให้ ความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจลดลง 4. โรคมะเร็ง: การรับประทานน้ำตาลในปริมาณสูงจะทำให้ร่างกายมีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม และมะเร็งลําไส้ใหญ่ โดยการลดการรับประทานน้ำตาล  เราสามารถลดความไวต่อมะเร็งต่างๆ เหล่านี้ได้ สิ่งสําคัญ คือ เราต้องทราบว่าคาร์โบไฮเดรตบางชนิดไม่ได้มีผลกระทบต่อสุขภาพของเรา เช่น ธัญพืช ผลไม้

ร้านอาหารที่ยั่งยืนคือร้านอาหารที่ดําเนินงานในลักษณะที่ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้เหลือน้อยที่สุด วิธีที่สําคัญที่สุดวิธีหนึ่งที่ Anacott Revstaurants สามารถทําได้คือการจัดการขยะอาหาร ขยะอาหารเป็นปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สําคัญ เนื่องจากก่อให้เกิดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก มลพิษทางน้ํา และความเสื่อมโทรมของที่ดิน Anacot Revtaurant สามารถช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความแตกต่างในเชิงบวกในโลก นี่คือมาตรการบางอย่างที่เราจัดการขยะอาหารในร้านอาหารของเรา: วางแผนเมนูของเราอย่างรอบคอบ พิจารณาฤดูกาลของส่วนผสมและความต้องการอาหารบางชนิด วิธีนี้จะช่วยให้เราหลีกเลี่ยงการสั่งอาหารมากเกินไปและสิ้นเปลืองอาหาร ทํางานร่วมกับซัพพลายเออร์ของเราเพื่อลดขยะอาหาร ซัพพลายเออร์จะช่วยเราลดขยะอาหาร ตัวอย่าง เช่น พวกเขาอาจสามารถให้ส่วนลดสําหรับผลผลิตที่ไม่สมบูรณ์หรือให้บริการสมัครสมาชิกที่ส่งวัตถุดิบสดใหม่ ให้กับร้านอาหารของเราเป็นประจํา ให้ความรู้แก่พนักงานของเราเกี่ยวกับเศษอาหาร: ทําให้พวกเขาตระหนักถึงความสําคัญของการลดขยะ อาหาร และรู้วิธีทํา เราให้การฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการจัดเก็บอาหารอย่างเหมาะสมวิธีระบุอาหารที่ผ่านช่วง Prime ไปแล้วและวิธีบริจาคหรือทําปุ๋ยหมักเศษอาหาร Anacot Restaurants สามารถช่วยลดขยะอาหารและสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อมเมื่อทําตามขั้น ตอนเหล่านี้

แป้งข้าวฟ่างซึ่งเป็นส่วนผสมหลักเฉพาะของเรา ทำให้สามารถใช้สร้างอาหารหลากหลายประเภทที่มีรสชาติคล้ายกับที่ทําจากแป้งสาลี เช่น ขนมอบ: ใช้แป้งกล้วยทํามัฟฟิน ขนมปัง แพนเค้ก วาฟเฟิล และคุกกี้ แม้ว่าเนื้อสัมผัสอาจแตกต่างจากแบบที่ทําจากข้าวสาลีเล็กน้อย แต่รสชาติค่อนข้างคล้ายกัน เปลือกพิซซ่า: สร้างแป้งพิซซ่าที่ปราศจากกลูเตนโดยใช้แป้งกล้วย ผสมกับแป้งที่ปราศจากกลูเตนอื่นๆ เช่น แป้งมันสําปะหลังหรือแป้งอัลมอนด์ พร้อมกับไข่หรือสารยึดเกาะใส่ท็อปปิ้งที่คุณชื่นชอบ แล้วอบจนเป็นสีทอง จะได้เปลือกที่อร่อยมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์และเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันเล็กน้อย ขนมปังและแป้งเคลือบ: ใช้แป้งกล้วยเที่ปราศจากกลูเตนสําหรับขนมปังไก่ ปลา หรือผัก ผสมแป้งกล้วยกับ เครื่องปรุงรสและเครื่องเทศเคลือบอาหารแล้วอบหรือทอด การเคลือบแป้งช่วยให้เนื้อสัมผัสที่กรอบและมี กลิ่นหอมของกล้วย ช่วยเพิ่มความข้น: แป้งกล้วยสามารถใช้เป็นตัวเพิ่มความข้นในซอส น้ำเกรวี่ และซุป เพิ่มความหวานอ่อนๆ และช่วยให้ได้ความนุ่มนวลและเป็นครีม เพียงตีผสมแป้งกล้วยลงในของเหลวที่ต้องการแล้วตั้งไฟจนข้น สมูทตี้และเครื่องดิ่มเชค: เติมแป้งกล้วยหนึ่งหรือสองช้อนโต๊ะลงในสมูทตี้หรือเชคของคุณ สามารถให้รสชาติกล้วยอ่อนๆและยังเพิ่มไฟเบอร์พิเศษให้กับเครื่องดื่มของคุณ ทั้งนี้แป้งข้าวฟ่างสามารถดูดซับของเหลวได้มากกว่าแป้งสาลีดังนั้นคุณอาจต้องปรับปริมาณของเหลวในสูตรอาหารของคุณให้เหมาะสม โดยการทดลองและปรับส่วนผสมเพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ต้องการ

ค้นพบศักยภาพของพรีไบโอติก โดย Anacot ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนให้ความสนใจเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพจากภายในมากขึ้น พรีไบโอติกเป็นที่รู้จักว่าเป็นเส้นใยอาหารชนิดหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อแบคทีเรียที่ชื่อว่า โปรไบโอติก ในลําไส้ใหญ่ พรีไบโอติกคืออะไร? พรีไบโอติกเป็นเส้นใยพืชเฉพาะที่ร่างกายมนุษย์ไม่สามารถย่อยได้ แต่เป็นอาหารสำหรับแบคทีเรียชนิดดีที่เป็น ประโยชน์ในลําไส้ เส้นใยเหล่านี้ผ่านทางเดินอาหารโดยไม่ย่อยจนกว่าจะไปถึงลําไส้ใหญ่ซึ่งพวกมันผ่านการหมักโดยแบคทีเรียในลําไส้ กระบวนการหมักนี้สร้างกรดไขมันสายสั้น ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่ามีประโยชน์ต่อ สุขภาพลําไส้ ประโยชน์ของพรีไบโอติก: ช่วยให้ลําไส้ใหญ่มีสุขภาพดี: พรีไบโอติกส่งเสริมการเจริญเติบโตและการทํางานของแบคทีเรียที่เป็นประ โยชน์ในลําไส้ เช่น Bifidobacteria และ Lactobacilli ความสมดุลที่ดีของแบคทีเรียในลําไส้เป็นสิ่งสําคัญ สําหรับการย่อยอาหาร การดูดซึมสารอาหาร การทํางานของระบบย่อยอาหาร: พรีไบโอติกช่วยควบคุมการเคลื่อนไหวของลําไส้และการย่อยอาหารอย่างสม่ำเสมอ สามารถบรรเทาอาการท้องผูกและส่งเสริมสุขภาพลําไส้โดยรวมได้ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน: จุลินทรีย์ในลําไส้มีบทบาทสําคัญในการทํางานของภูมิคุ้มกันและพรีไบโอติก ช่วยรักษาสมดุลที่ดีของแบคทีเรียในลําไส้ ช่วยลดความเสี่ยงของการติดเชื้อและภาวะอักเสบ ปรับปรุงการดูดซึมสารอาหาร: พรีไบโอติกช่วยเพิ่มการดูดซึมสารอาหารบางชนิด เช่น แคลเซียมและ แมกนีเซียม โดยส่งเสริมไมโครไบโอมในลําไส้ให้แข็งแรง ทำให้ร่างกายจะใช้สารอาหารที่จําเป็นจากอาหารได้ อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตามการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยพรีไบโอติกช่วงเริ่มต้นอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด มีแก๊สใน กระเพาะอาหาร รู้สึกไม่สบายตัว ซึ่งมักเกิดขึ้นชั่วคราวและบรรเทาลงเมื่อร่างกายปรับตัวให้เข้ากับการบริโภค พรีไบโอติกที่เพิ่มขึ้นได้แล้ว แหล่งที่มาของข้อมูล: Harvard T.H. Chan School of Public

By Anacot คาร์โบไฮเดรตเป็นธาตุอาหารหลักที่สําคัญซึ่งทําหน้าที่เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย พบในอาหารต่างๆ เช่น ธัญพืช ผลไม้ ผัก และพืชตระกูลถั่ว คาร์โบไฮเดรตมีบทบาทสําคัญในการกระตุ้นการทํางานของเซลล์ สนับสนุนสุขภาพสมอง และช่วยในการย่อยอาหาร อย่างไรก็ตาม แม้ว่าคาร์โบไฮเดรตจะมีความสําคัญต่อ ความเป็นอยู่โดยรวม แต่การบริโภคมากเกินไปอาจนําไปสู่ผลเสียต่อสุขภาพ รวมถึงการพัฒนาของโรคไม่ติด ต่อเรื้อรัง (NCDs) ประโยชน์ของคาร์โบไฮเดรต: เป็นแหล่งพลังงานหลักของร่างกาย ช่วยการทํางานของสมอง: กลูโคสที่ได้จากคาร์โบไฮเดรต ช่วยเซลล์สมองในการทํางานด้านการรับรู้ ความเข้าใจ ความจํา และสมาธิ มีไฟเบอร์สูงช่วยระบบย่อยอาหาร ป้องกันอาการท้องผูก และการทำงานของลําไส้ แม้ว่าคาร์โบไฮเดรตจะจําเป็นต่อสุขภาพ แต่การบริโภคมากเกินไปอาจนําไปสู่ปัญหาสุขภาพต่างๆ ได้แก่ การเพิ่มน้ําหนักและโรคอ้วน การดื้อต่ออินซูลิน ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไม่ติดต่อ (NCDs เช่น เบาหวาน ประเภท 2 กลุ่มอาการเมตาบอลิซึม และมะเร็งบางชนิด   แหล่งที่มาของข้อมูล:   Harvard T.H. Chan School of Public Health: Carbohydrates and